สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ – สาคูไส้ปลา

สาคูไส้ปลา

ส่วนผสมไส้ปลา (สำหรับสาคู 50-60 ลูก)
ปลาช่อนนา หรือ ปลาหมู น้ำหนัก ๑/๒ กก. 1 ตัว
หัวหอมแดง 15 หัว
รากผักชี 3 ราก
กระเทียม 10 กลีบ
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วลิสงป่นละเอียด 4 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ? ช้อนชา
ผักชีซอย 1-2 ต้น
น้ำมันพืชสำหรับผัดไส้ปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่าสำหรับต้มปลา และน้ำเย็นสำหรับแช่ปลา
น้ำเปล่าสำหรับแตะมือขณะปั้นสาคู
น้ำมันกระเทียมเจียว และกระเทียมเจียวตามชอบ
พริกขี้หนูสด ผักกาดหอม และผักชี สำหรับเสิร์ฟเคียง

ส่วนผสมแป้งสาคู
เม็ดสาคูดิบ 1 ? ถ้วย
น้ำเปล่า(1) ? ถ้วย
น้ำเปล่า (2) ?-1 ถ้วย

วิธีทำสาคูไส้ปลา
1.ผสมแป้งสาคู โดยใส่สาคูดิบลงในอ่าง พรมน้ำเปล่า (1 ) ลงไปจนทั่วสาคู ปิดฝาภาชนะให้สนิทพักไว้ 30 นาที แล้วค่อย ๆ ใส่น้ำเปล่า (2) ลงไปนวด เมื่อเหนียวดี ปิดฝาภาชนะพักไว้อีก 1 ชั่วโมงจึงนำไปห่อไส้
2.ตั้งน้ำต้มปลาให้เดือด ใส่ปลาลงไปแล้วหรี่ไฟลงเป็นไฟกลาง รอจนปลาสุกทั้งตัว ตักขึ้นแช่น้ำเย็นจนหายร้อน ตักปลาขึ้นแล้วลอกหนังปลาทิ้ง แกะเอาแต่เนื้ออย่าให้มีก้าง ยีด้วยมือพอให้เนื้อปลาแตก พักไว้
3.โขลกพริกไทยให้ละเอียดแล้วใส่รากผักชีและกระเทียมลงไปตำให้ละเอียด ตักขึ้นพักไว้
4.ทำไส้สาคู โดยผัดหอมแดงซอยในน้ำมันจนเหลือง ใส่ส่วนผสมในข้อสามลงผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อปลาผัดพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส เกลือ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ ให้มีรสหวาน เค็ม เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีและเริ่มเหนียว ปิดไฟ โรยผักชีซอยลงเคล้า พักไว้ให้เย็น
5.หยิบแป้งสาคูมาเล็กน้อย ใช้นิ้วบี้ให้เป็นแผ่นแบน ใส่ไส้ปลาลงตรงกลาง แล้วตลบแป้งห่อไส้ให้มิด (ให้ลูกสาคูมีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตรครึ่ง โดยประมาณ)
6.เช็ดน้ำมันบนใบตองแล้วนำไปรองบนถาด วางสาคูที่ปั้นไว้ลงไป นำถาดที่เรียงสาคูไว้ไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที จนสุก นำออกมาพรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว รับประทานคู่กับพริกขี้หนู ผักกาดหอม และผักชีสด

Tip
– ขณะผัดไส้ปลาต้องใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน เพื่อป้องกันไส้เป็นสีคล้ำ เมื่อนำไปห่อจะไม่สวย
– ปลาหมูเป็นปลาทะเลชนิดหนึ่ง ตัวมีสีคล้ายควันบุหรี่ ข้างครีบเหงือกมีแต้มสีแดง มีวางจำหน่ายที่ตลาดวงเวียนใหญ่ ราคาขึ้นอยู่กับขนาด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ กิโลกรัมละ 70-80 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 11 ฉบับที่ : 123 เดือน : เมษายน 2554 และ www.healthandcuisine.com