เอแคลร์คัสตาร์ดช็อกโกแลต

เอแคลร์คัสตาร์ดช็อกโกแลต

ส่วนผสมแป้งเอแคลร์คัสตาร์ดช็อกโกแลต
แป้งอเนกประสงค์   1 ถ้วย
น้ำสะอาด    1 ถ้วย
เนยสด     80 กรัม
ไข่ไก่     4 ฟอง

วิธีทำแป้งเอแคลร์คัสตาร์ดช็อกโกแลต
1.ใส่น้ำและเนยลงในหม้อ ตั้งไฟให้ละลายพร้อมกันจนเดือด เทแป้งสาลีลงไปทั้งหมดแล้วใช้ตระกร้อมือคนเร็วๆ แล้วรีบยกลงจากเตาทันที คนต่อจนแป้งเข้ากันดี  พักให้คลายร้อนสักพักแล้วตอกไข่ใส่ทีละฟอง ใช้ตระกร้อมือ(หรือใช้ตระกร้อไฟฟ้าสปีดต่ำสุด)  คนให้ส่วนผสมเข้ากันดีก่อนแล้วค่อยใส่ฟองต่อไป ทำเช่นนี้จนครบทั้งสี่ฟอง
2.ตักแป้งใส่ถุงบีบ ใช้หัวบีบ(เบอร์ 22)  บีบวนเป็นวงกลมขนาด(3 เซนติเมตร  ลงบนถาดที่ทาเนยขาวบางๆ เข้าอบที่อุณหภูมิ  200 องศาเซลเซียส หรือ 400 องศาฟาเรนไฮต์นาน 20  นาที  จนแป้งเป็นสีเหลืองพองตัวดี จากนั้นลดอุณหภูมิลง(110 องศาเซลเซียส หรือ 200 องศาฟาเรนไฮต์) ประมาณ 10-15  นาที  จนสังเกตดูแป้งแข็งตัวไม่ยุบเป็นใช้ได้ ยกออกจากเตาพักบนตะแกรงให้เย็น
3.เจาะรูด้านล่างหรือด้านข้างตัวแป้งเอแคลร์  สำหรับบีบไส้คัสตาร์ด

ส่วนผสมคัสตาร์ดช็อกโกแลต
นมสด 1 ถ้วย
ช็อกโกแลตชิป 3/4 ถ้วย
ไข่ไก่  1 ฟอง
แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
เนยละลาย 30 กรัม

วิธีทำเอแคลร์คัสตาร์ดช็อกโกแลต
ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันยกเว้นเนยสด(แยกไว้ใส่ทีหลังสุด) ตั้งไฟอ่อนๆ คนช้าๆเป็นระยะ  พอแป้งเริ่มสุกส่วนผสมจะข้นขึ้นให้รีบคนเร็วๆ  ใส่เนยสดคนให้ละลายแล้วยกลงพักให้เย็นก่อนบีบเป็นไส้เอแคลร์

H&C  Tips
– ขณะที่อบเอแคลร์ช่วง 20 นาทีแรก อย่าเปิดฝาเตาอบเพราะจะทำให้ขนมยุบตัวไม่เป็นโพรงตามต้องการ
– แป้งเอแคลร์ที่ทำเสร็จแล้วสามารถเก็บใส่กล่องแช่ในตู้เย็นธรรมดาได้นาน  2-3  วัน สำหรับไส้คัสตาร์ดสามารถเก็บวิธีเดียวกันได้นานสองวัน

ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 4 ฉบับที่ : 46 เดือน : พฤศจิกายน 2547  และ www.healthandcuisine.com


Comments

2 responses to “เอแคลร์คัสตาร์ดช็อกโกแลต”

  1. what is priligy tablets For example, mutations in the tumor suppressor gene APC lead to chromosome mis segregation as a result of kinetochore microtubule disconnection during anaphase 27; p53 mutations result in centrosome hyperamplification leading to multiple spindle poles and mis segregation of chromosomes 28; loss of p16 generates supernumerary centrosomes through centriole pair splitting, resulting in aneuploidy 29; and BRCA1 inactivation leads to microtubule instability or centrosome amplification 30

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *